“สิทธิสื่อ-สิทธินักวิชาการยังทำลาย ผู้บริโภคจะพึ่ง กทค. ได้อย่างไร”

แถลงข่าว
“สิทธิสื่อ-สิทธินักวิชาการยังทำลาย ผู้บริโภคจะพึ่ง กทค. ได้อย่างไร”

องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศเรียกร้องให้กสทช.  4 คน และสำนักงานกสทช.ถอนฟ้องนักวิชาการ และสื่อ หากไม่ถอนฟ้อง ขอให้ระมัดระวังและหากไม่ทำหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ต่อไปจะร่วมมือกันฟ้องทั่วประเทศแน่นอนพร้อมให้กำลังใจนักวิชาการและสื่อทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

เมื่อวันพุธ 11 กันยายน ที่ผ่านมา คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค องค์กรผู้บริโภคจากทุกภูมิภาค  เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็ง ร่วมแถลงข่าว ที่โรงแรมไมด้า ซิตี้ รีสอร์ท กรุงเทพ ฯ ถึงกรณีที่ ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน และ ดร.ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้ดำเนินรายการสถานีโทรทัศน์ ไทยพีบีเอส รายการ “ที่นี่ Thai PBS” ถูก กทค. เสียงข้างมากจำนวน 4 คน และ สนง.กสทช. ฟ้องคดีหมิ่นประมาท  เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ในการแสดงความเห็นทางวิชาการ และนำเสนอต่อสื่อสาธารณะ กรณีการหมดสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1800 MHz  จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายน 2556 มีข้อเสนอต่อ กทค. ดังนี้

  1. ขอให้เร่งรัดและออกหลักเกณฑ์ เรื่อง การกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมโดยด่วน  เพื่อยุติการกระทำที่ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค โดยอาศัยการใช้เครือข่ายหรือการโฆษณาอันมีลักษณะเป็นการค้ากำไรเกินควร หรือก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ตามมาตรา 31 ของพรบ.องค์การจัดสรรคลื่นความถี่
  2. กทค. ควรเร่งปรับปรุงให้หน่วยรับเรื่องร้องเรียนเป็นอิสระ มีระบบที่ดี มีประสิทธิภาพในการพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค ทั้งการแก้ปัญหาผู้บริโภค การป้องกันปัญหา และบังคับใช้กฎหมายและประกาศของตนเองอย่างเข้มงวด และเห็นว่าการที่ยังมีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนประกาศ กฎหมายระเบียบ คำสั่งของ กสทช . เป็นการดูถูก ดูแคลนและละเมิดศักดิ์ศรีในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล มากกว่า การฟ้องคดีกับบุคคลที่สนับสนุนการทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีความเห็นที่แตกต่างจาก กทค.
  3. 3.                       ขอให้สนับสนุนการทำหน้าที่การให้ความเห็นและการติดตามตรวจสอบของคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน เพื่อให้ได้ทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
  4. ขอให้กสทช. มีการบังคับทางปกครองอย่างเคร่งครัดและจริงจัง ในกรณีที่ผู้ให้บริการ มีการฝ่าฝืนกฎหมาย ประกาศ คำสั่งของ กสทช. เพื่อไม่ให้ต้องเป็นภาระกับผู้บริโภคที่ต้องร้องเรียนเป็นกรณีไป เช่น กรณีการฝ่าฝืน ประกาศ กสทช.เรื่องอัตราขั้นสูงฯ ค่าบริการเสียงต้องไม่เกิน 99 สตางค์  การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขแนบท้ายการให้บริการ 3G เรื่องการลดค่าบริการร้อยละ 15 โดยเฉพาะกับผู้ใช้บริการรายเดิม

ทั้งนี้ รศ. ดร. จิราพร       ลิ้มปานานนท์        ประธานคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวถือเป็นทำลายระบอบประชาธิปไตยของสังคมไทย ในการแสดงความเห็นวิพากษ์ วิจารณ์ และตรวจสอบองค์การอิสระของนักวิชาการและการทำหน้าที่ของสื่อ ที่นำเสนอข้อมูลเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ ถือได้ว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ที่ให้บุคคลมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น แต่การกระทำของ กทค. ทั้ง 4 ท่านในครั้งนี้น่าจะเข้าข่ายการคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อ เสรีภาพนักวิชาการ ซึ่งเป็นการทำที่ไม่เหมาะสมขององค์กรอิสระ ฯ เพราะ กสทช. และสำนักงาน กสทช. มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐประเภทหนึ่งที่ควรจะต้องตรวจสอบได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 61 ที่ให้อำนาจคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบการกระทำ หรือละเลยการกระทำอันเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค และกรณีสัญญาสัมปทานคลื่น 1800 MHz  เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการคุ้มครองผู้บริโภคที่ชัดเจน

นางสาวบุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค และ คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน กล่าวว่า สิ่งที่อยากเห็นจาก กทค. ทำมากกว่าการฟ้องคดีต่อผู้มีความเห็นต่าง คือการทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคให้ได้มากกว่าปัจจุบัน เช่น จนบัดนี้ยังไม่มีการออกประกาศตามมาตรา 31 ที่ว่าด้วยการเอาเปรียบผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการส่ง SMS รบกวนและถูกคิดค่าบริการเสริมโดยที่ไม่ได้สมัครใช้บริการ ถือเป็นปัญหาสำคัญของการใช้บริการโทรคมนาคม  เนื่องจากบริการเสริม SMS เป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนและชัดเจน

ทำให้ให้ผู้บริโภคต้องแบกรับค่าใช้บริการที่เป็นภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการไม่ได้ใช้บริการ กทค.ทั้ง 4 ท่าน ควรเอาเวลามาคิดถึงมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคมากกว่าการฟ้องคดี หรือประเด็นอัตราขั้นสูงของการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงไม่เกิน 99 สตางค์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่มีการปฏิบัติตาม ยังมีผู้ให้บริการคิดค่าบริการแบบส่งเสริมการขายแบบเหมาจ่าย เช่น แพ็คเกจ 299 บาท โทรฟรี 299 นาที หรือ แพ็คเกจ 400 บาท โทรฟรี 400 นาที ซึ่งแพ็คเกจแบบนี้ถือได้ว่าเป็นการคิดค่าบริการที่มีส่วนเกินมา 1.50 บาท

นางสาวชลดา บุญเกษม คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการ 3G เป็นจำนวนมาก แต่ยังพบปัญหาผู้บริโภคยังไม่ได้ส่วนลดราคา 15 % ตามที่ กสทช. ได้กำหนดไว้ตามเงื่อนไขกับผู้รับใบอนุญาต และ ผู้ให้บริการยังไม่ได้ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วน ตามสิทธิของผู้บริโภค ถึงการแจ้งรายละเอียดสิทธิประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับส่วนลดในราคา 15% รวมถึง ปัญหาคุณภาพสัญญาณ การถูกล็อคความแรงของสัญญาณคลื่น เช่นการลดความเร็วอินเทอร์เน็ตเหลือ 64 Kbps ซึ่ง  ต่ำกว่าความเร็วมาตรฐาน 3G  ซึ่งกำหนดไว้จะต้องไม่ต่ำกว่า 345 Kbps   นี้เป็นสิ่งที่ กทค.ควรเร่งดำเนินการและสั่งปรับทางปกครองกับผู้ให้บริการหรืออยากเห็นการฟ้องคดีต่อผู้ที่ละเมิดและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ กสทช. มากกว่าการฟ้องผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ

นางมณี จิรโชติมงคลกุล อนุกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชนด้านสื่อและโทรคมนาคม กล่าวว่า ปัญหาการ SMS รบกวนและถูกคิดค่าบริการเสริมโดยที่ไม่ได้สมัครใช้บริการ ถือเป็นปัญหาคลาสสิค (ยืดเย้อเรื้อรัง)ของการใช้บริการโทรคมนาคม  เนื่องจากบริการเสริมข้อความสั้น SMS เป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนและชัดเจน ทำให้ให้ผู้บริโภคต้องแบกรับค่าใช้บริการที่เป็นภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้บริการ กทค.ทั้ง 4 ท่าน ควรเอาเวลามาคิดถึงมาตรการการคุ้มครองผู้บริโภคมากว่าการฟ้องคดีกับผู้ที่ให้การสนับสนุนความเป็นธรรมของผู้บริโภค

พร้อมนายนิมิตร์ เทียนอุดม ได้ขอให้กสทช. ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง การแก้ปัญหาไม่ใช่แก้ปัญหาทีละราย ควรดำเนินการเป็นการทั่วไปจากกรณีของตนเองที่ร้องเรียนเรื่อง 99 สตางค์ต่อนาที รวมทั้งคุณไกรวัลย์ คทวณิช ผู้ใช้บริการขอให้ กสทช.ในฐานะองค์กรกำกับดูแลทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ และต่อไปนี้ผู้บริโภคต้องร้องเรียนองค์กรกำกับดูแลให้มากเพื่อให้รับโทษตามกฎหมาย จะได้ดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคมากขึ้น

สนใจข้อมูลเพิ่มเติม
ดร.จิราพร ลิ้มปานานท์ 089-4789762
บุญยืน ศิริธรรม 081-3089020