“ผลกระทบจากม.44นี้ ไม่ใช่ต่อPeaceTVเท่านั้น แต่จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมสื่อวิทยุ-โทรทัศน์ทั้งหมด”

A summary of yesterday, July 14, 2016

สรุปความเห็นจากประเด็นคำสั่ง คสช. เมื่อวานนี้เรื่องการไม่ต้องรับผิดทางอาญาและแพ่ง จากกรณีการใช้อำนาจของ กสท./กสทช.กรณีการสั่งพักใช้/เพิกถอนใบอนุญาต หรือ สั่งปิดสื่อในการแสดงออกทางการเมืองตามประกาศ คสช. ทั้งในอดีต และ อนาคต

ปล. เมื่อวานนี้จริงๆไปเป็นพยานในศาลให้กับคุณ Andy Hall จำเลยในคดีที่ถูกบริษัทส่งออกสัปปะรดกระป๋องฟ้องหมิ่นประมาท จากการเผยแพร่รายงานเรื่องปัญหาสิทธิของแรงงานชาวพม่า มีประเด็นสำคัญที่ควรเล่ามากมาย แต่มีเหตุร้อนเรื่องมาตรา 44 เสียก่อน ไว้มาเก็บตกย้อนหลังค่ะ

……. ……. ……..

14 ก.ค. 59

ดิฉันไม่เคยเห็นด้วยกับการปิดสื่อที่เห็นต่างทางการเมืองและได้ทำหน้าที่ต่อสู้หลักการใช้อำนาจทางกฎหมายมาตลอด ให้สื่อไปสู้ต่อที่ศาลปกครองได้ คำสั่งตามมาตรา 44 ของ คสช.ในวันนี้ เป็นการปกป้องการใช้อำนาจของ กสท./กสทช. (เสียงข้างมาก) จะกระทบกับภาพรวมเสรีภาพสื่อทั้งหมด ไม่ใช่แค่พีซทีวี ดิฉันเห็นว่าองค์กรสื่อ วิชาชีพสื่อ อุตสาหกรรมสื่อควรแสดงจุดยืนต่อคำสั่ง คสช.เพื่อการถ่วงดุลอำนาจของ กสทช. ให้สื่อใช้สิทธิ์สู้ในศาลต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นศาลปกครอง ศาลอาญา หรือ ศาลแพ่ง เพราะเป็นการต้องรับผิดชอบกับการใช้อำนาจของรัฐอย่างเป็นธรรมของรัฐ ตามกระบวนการ Rule of Law

ปัจจุบัน กสทช.มีอำนาจกำกับสื่อได้อยู่แล้ว แต่ต้องใช้อำนาจอย่างรอบคอบ มีการถ่วงดุล ถ้ามี ม.44 มาปกป้องจะทำให้ กสทช.ใช้อำนาจได้แบบแรงขึ้นอีก คำสั่ง คสช. บอกว่า กสทช. ไม่ต้องรับผิดชอบทางอาญาหรือแพ่ง แต่ให้อำนาจเอกชนเรียกค่าเสียหายจากรัฐได้ เป็นการผลักภาระจาก กสทช.ไปให้เงินหลวง กรณี PeaceTV เป็นเพียงเคสตั้งต้น ที่ตอนนี้ศาลคุ้มครองอยู่ และ กสท. ใช้อำนาจสั่งปิดซ้ำ จากนี้รอผลจากศาลปกครองอีกรอบ ต่อไปอาจมีเคสอื่นๆตามมา ส่วนตัวดิฉันไม่มีเจตนาอยากจะเห็น เพื่อนๆ กสทช. เสียงข้างมากถูกฟ้องอาญาหรือแพ่งจากการทำงาน แต่การมี ม.44มาคุ้มครองจะทำให้ขาดความระวังใช้อำนาจ

ผลกระทบจาก มาตรา 44 ครั้งนี้ ไม่ใช่ต่อช่อง PeaceTV เท่านั้น แต่จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมสื่อวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด ที่ควรตื่นตัวและมีความเห็น

******

ขออภัยสื่อมวลชนวันนี้ที่โทรหาเพื่อสัมภาษณ์เรื่อง ม.44 แต่ดิฉันติดพันงานไปเป็นพยานคดีหมิ่นประมาทที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ แต่ได้ทวิต คหสต.แล้ว การให้สัมภาษณ์เฉพาะแบบโฟนอิน หรือ เจอตัว ขอเป็นพรุ่งนี้ เพราะวันนี้ติดพันภารกิจตลอดวัน จึงไม่สะดวกรับสายด้วย แต่อ้างอิงจากใน Twitter แม้ดิฉันไม่เห็นด้วยกับประกาศ คสช. ตามม.44 ดังกล่าวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าดิฉันต้องการเห็นเพื่อนๆ กสทช.ต้องถูกฟ้องอาญาจากการทำงาน เพราะหลักการคือ เจ้าหน้าที่ของรัฐควรรับผิดรับชอบกับการใช้อำนาจหน้าที่นั้น การมีอภิสิทธิ์คุ้มครองให้ลอยนวลจากการใช้อำนาจ จะกระทบสิทธิ์ผู้เสียหาย กรณีพีซทีวี ดิฉันเห็นต่างกับการใช้อำนาจ แต่กรณีช่อง 3 ก่อนนี้ ดิฉันอยู่ฝ่ายเสียงข้างมาก และเคยโดนฟ้อง ม.157 มาแล้วเช่นกัน ซึ่งก็ยินดีสู้คดี การใช้อำนาจครั้งนั้น นอกจากเคยถูกช่อง3 ฟ้องฐาน ม.157 แล้ว ยังมีคดีอื่นๆอีกเช่น พรบ.คอมพ์และคดีหมิ่นฯ โชคดีและขอบคุณที่เขาถอนฟ้องในที่สุด ซึ่งถ้าเขาไม่ถอนฟ้อง ดิฉันก็ยินดีสู้คดี เพราะหลักการคือ เมื่อเราใช้อำนาจเราก็ต้องรับผิดชอบตามหน้าที่ ศาลคือคำตอบสุดท้ายตามกระบวนการยุติธรรมแม้ไม่มีประกาศ คสช. องค์กรของรัฐที่เป็นอิสระอย่าง กสทช.ก็มีอำนาจเบ็ดเสร็จในตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นศาลจึงเป็นกลไกถ่วงดุลสำคัญของผู้รับใบอนุญาต ยังดีที่ประกาศ คสช. รอบนี้ ไม่ตัดอำนาจการฟ้องร้องต่อศาลปกครองด้วย ศาลปกครองจึงเป็นที่พึ่งท้ายสุดของผู้รับผลกระทบจากการใช้อำนาจของ กสทช.

ที่น่ากังวลสุดคือ กลุ่มทีวีดิจิตอล ที่ประมูลคลื่นความถี่มาแล้วถูกปิด โดย กสท.ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง แต่รัฐต้องรับชดใช้เยียวยาค่าเสียหายแทน นั่นหมายความว่า กสท.อาจมั่นใจมากขึ้นในการสั่งปิดทีวีดิจิตอลที่ขัดประกาศ คสช. โดยไม่ต้องกลัวถูกฟ้องแล้ว เพราะรัฐต้องจ่ายค่าเยียวยาแทนกรรมการ ในกรณีที่ กสทช. แพ้คดีในศาลปกครอง แล้วศาลสั่งให้ชดใช้เยียวยา ฝ่ายที่ต้องจ่ายค่าเยียวยาคือรัฐ หรือ สำนักงานกสทช. เป็นต้น คหสต. ดิฉันในวันนี้ คงกระทบใจเพื่อนๆใน กสทช. มากกว่า จึงย้ำอีกครั้งว่า ดิฉันไม่ได้มีเจตนาร้าย แม้เห็นต่างในจุดยืน แต่มีมิตรไมตรีเสมอ

ในส่วน คสช.ดิฉันไม่ได้กังวลอะไร เพราะเราไม่เคยเจอหน้ากัน แต่เพื่อนร่วมงานที่ กสทช. เจอกันทุกสัปดาห์ ยอมรับว่ามีความอึดอัด แต่เราก็ต้องพูด กรณี PeaceTV ทราบจากข่าวว่า ศาลปกครองนัดสองฝ่ายไต่สวนพรุ่งนี้ ไม่แน่ใจว่า กสท.ท่านใดจะไปศาลบ้าง รอติดตาม ก่อนหยุดยาวเข้าพรรษา

ส่วนความเห็นจากทางบ้าน ดิฉันได้อ่านคร่าวๆ แต่TLไปเร็วมาก บาง mentions หายไปแล้ว คงไม่ได้ตอบทุกท่าน แต่ขอตอบภาพรวมดังนี้ โดยเฉพาะมาจาก 2 มุม ท่านที่เข้าใจว่า ประกาศ คสช. ครั้งนี้ทำให้ กสทช. ปิดสื่อได้ทันทีเลย ยังไม่ใช่ เพราะยังมีศาลปกครองเป็นด่านสุดท้าย (แต่ฟ้องอาญา-แพ่งไม่ได้) ท่านที่เข้าใจว่า ประกาศ คสช. ครั้งนี้จะทำให้ กสทช.จัดระเบียบสื่อเด็ดขาดจากละครตบตี โฆษณาหลอกลวง รายการไร้สาระ ก็ไม่ใช่ เขาเน้นเฉพาะการเมือง กรณีละครตบจูบข่มขืน โฆษณาลวงโลก รายการไร้สาระ ละเมิดสิทธิ์ ฯลฯ กสทช.ไม่เคยลงโทษปิดอยู่แล้ว แต่เป็นการขอความร่วมมือ เตือน ปรับขั้นต่ำ-ขั้นสูง มาตรฐานการลงโทษ กรณีการเมืองจะหนัก กว่ารายการทีวีประเภทบันเทิง โฆษณาลวงโลกอยู่แล้ว เพราะ กสทช. ค่อยๆเตือน ค่อยๆปรับ ความเข้ม กม.ต่างกันเยอะ จึงขอร้องว่า ท่านใดที่เห็นด้วยกับคำสั่ง คสช.วันนี้ อย่าพยายามให้เหตุผลว่าเพราะทีวีบันเทิงไร้สาระ โฆษณาลวงโลกมาก เพราะไม่เกี่ยวกับอำนาจนี้

ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่ง คสช.ในวันนี้ แล้วมาเรียกร้องให้ดิฉันลาออกเพื่อรับผิดชอบ ถามว่าดิฉันทำผิดอะไร เพราะดิฉันยืนข้างเสรีภาพมาตลอด คุณบอกว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีเสรีภาพ แต่คุณมาเรียกร้องให้คนที่ฝ่าแรงเสียดทานในระบบให้ลาออก ทั้งที่เขาพยายามแสดงจุดยืนข้างเสรีภาพตามหน้าที่

ถ้าไม่มีเสียงฝ่ายค้านที่คอยทำหน้าที่ให้ การต่อสู้ของสื่อที่ถูกใช้อำนาจจะหนักหนากว่านี้ เพราะคุณจะไม่มีข้อมูลและความเห็นที่มีน้ำหนักจากระบบ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่เคยคิดเรื่องลาออก คิดมาตลอด เพียงแต่ยังทนแรงเสียดทานไหวอยู่ และรอเวลาที่เหมาะสม ให้เกิดผลเชิงสัญลักษณ์จริงๆ ท่านที่เรียกร้องให้ดิฉันลาออก จังหวะที่เหมาะสมจริงๆในการเรียกร้อง คือวันที่ พรบ. กสทช. ฉบับที่คุ้มครองดิฉันอยู่ถูกทำให้จบลงอย่างเป็นทางการ ดิฉันทำงานปฏิรูปสื่อมากว่า 20 ปี พรบ.กสทช.ฉบับนี้ คือจิตวิญญาณของดิฉันที่สร้างมันมาตั้งแต่ต้น ถ้าดิฉันจะยุติอย่างสมศักดิ์ศรี คือจบไปกับมัน ไม่ว่าจะจบโดย พรบ.กสทช.ฉบับใหม่ที่ผ่าน สนช.วาระแรกไปแล้วบังคับให้จบ หรือ ดิฉันควรตัดสินใจยุติบทบาทตนเองไปพร้อมกับ พรบ. กสทช.ฉบับปัจจุบัน

อีกทั้ง ประกาศ คสช.วันนี้เป็นเรื่องการกำกับดูแลสื่อ แต่ พรบ.กสทช.ฉบับใหม่จะเปลี่ยนหลักการเรื่อง ‘การจัดสรรคลื่น’ อันเป็นที่รักยิ่งด้วย นอกจากเรื่องเสรีภาพสื่อแล้ว สิ่งที่จะทำดิฉันเจ็บปวดมากที่สุดคือหลักการจัดสรรคลื่นความถี่ของรัฐที่สู้มาใน พรบ.กสทช.ฉบับปัจจุบันกำลังถูกแก้ไข ดิฉันทำงานเรื่องปฏิรูปคลื่นความถี่ของรัฐมาตั้งแต่ปี 2540 แต่มาทำงานเรื่องเสรีภาพสื่อจริงจังราวปี 2546 หลังโดนบริษัทชินคอร์ปฟ้องหมิ่นประมาท

ดังนั้น ตลอดชีวิตการทำงานของดิฉันจึงผูกพันกับงานปฏิรูปคลื่นความถี่มานานกว่า 2ทศวรรษ ดิฉันจึงรัก พรบ.กสทช.ฉบับนี้ แม้มันไม่เป็นดังหวังนัก ดิฉันเคยทวิตหลายครั้งแล้วว่า ตนเองนับถอยหลังการทำงาน เพราะ สนช.มีการแก้ไข พรบ. กสทช.ฉบับใหม่ในสภาฯ แต่ก็จะทำทุกวันที่เหลือให้เต็มที่ที่สุด เมื่อวันที่ พรบ.กสทช. ฉบับใหม่ ผ่าน สนช.มาบังคับใช้ โดยเปลี่ยนหลักการสำคัญ มันคือสัญลักษณ์การ back to square one หรือการกลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง …. เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง