หวั่นฟ้าวันใหม่ถูกเพิกถอนซ้ำรอย PEACE TV : จับตาวาระ กสท.

กสทช.สุภิญญาฯ หวั่นฟ้าวันใหม่ถูกเพิกถอนซ้ำรอย  PEACE TV

                กสทช.สุภิญญาฯ ชวนจับตาวาระสำคัญในการประชุม กสท.จันทร์นี้สำนักงาน กสทช. ชงเรื่องร้องเรียนรายการโทรทัศน์ทางช่องรายการฟ้าวันใหม่นำเสนอเนื้อหารายการไม่เหมาะสม ให้บอร์ดพิจารณาหวั่นเจอโทษทางปกครองที่ กสท. วางมาตรฐานไว้เหมือนช่องรายการ PEACE TV และผลการรับฟังความเห็นการเลื่อนกำหนดระยะเวลาในการชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ทั้ง 24 ช่อง

นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ หนึ่งในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคมนี้   ในการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) ครั้งที่ 15/2558  มีวาระการประชุมสำคัญน่าจับตา ได้แก่  กรณีการออกอากาศรายการโทรทัศน์ ‘ถอนพิษ’ ของบริษัทบลูสกาย แชนแนล จำกัด (ช่องรายการ ฟ้าวันใหม่) มีเนื้อหาไม่เหมาะสม   โดยสำนักงานฯ ส่งวาระนี้ให้เข้ามาพิจารณาหลังจากที่  กสท. มีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตช่องรายการ PEACE TV ไปแล้ว  เมื่อวันจันทร์ที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา

“เรื่องนี้ ดิฉันยังคงยืนยันความเห็นเหมือนกับการพิจารณาช่องรายการ PEACE TV  ที่เป็นเสียงข้างน้อย ว่า กสท. และ สำนักงานฯ ควรมีแนวปฏิบัติหรือขอบเขตที่ชัดเจนในเรื่องรูปแบบหรือลักษณะการนำเสนอเนื้อหาที่สร้างความแตกแยก ยั่วยุปลุกปั่น เพื่อให้กรรมการมีหลักเกณฑ์ในการใช้ดุลพินิจกับผู้รับใบอนุญาตทุกรายอย่างเท่าเทียมและถ้วนหน้า    รวมทั้งการพิจารณาโทษทางปกครองควรเป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน  เช่น ลงโทษปรับทางปกครอง ตั้งแต่ 5 หมื่น ถึง ห้าแสนบาทตาม พรบ.ประกอบกิจการฯ มาตรา 37 ซึ่งเป็นกติกาของ กสทช. เอง ก่อนจะไปใช้บันทึกข้อตกลงที่อิงมาจาก ประกาศ คสช.  เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า กสทช. ถูกแทรกแซงทางการเมืองจากผู้มีอำนาจในปัจจุบัน หรือหากเห็นว่าเนื้อหาที่ออกอากาศขัดต่อกฎหมาย ควรพิจารณาระงับการออกอากาศเฉพาะรายการนั้นแทนด่อนการเพิกถอนใบอนุญาตทั้งสถานี คือลงโทษ จากเบาไปหาหนัก ตามสัดส่วนที่เหมาะสม เป็นต้น  เพราะการที่อนุฯเสียงข้างมากดสนอให้ พักใช้ใบอนุญาต 7 วัน เพื่อนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตเลยนั้น อาจเป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุได้ ดังนั้นต้องจับตาวาระนี้อย่างใกล้ชิดในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ว่าบอร์ด กสท. ทั้งหมด จะลงมติออกมาอย่างไร  ” นางสาวสุภิญญากล่าว

นอกจากนี้ยังมีวาระกรณีการออกอากาศรายการ”คนรู้จริง’ ทางช่องรายการ 24TV มาให้พิจารณาเนื้อหารายการที่ไม่เหมาะสมด้วยเช่นกัน

ส่วนวาระอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผลการรับฟังความคิดเห็นการเลื่อนเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมาให้ กสท.พิจารณา  ซึ่งมีผู้ประกอบการ  ผู้บริโภค และนักวิชาการเข้าร่วมเวที โดยพิจารณา ใน 2  ประเด็นใหญ่ ได้แก่ 1.เลื่อนการชำระเงินค่าประมูลทีวีดิจิตอลออกไป 1 ปี  เพียงงวดเดียวหรือเลื่อนทุกงวดออกไป 1 ปี   และ    2 .  ต้องมีมาตรการในการชดเชยประโยชน์สาธารวณะ หรือประโยชน์ของรัฐ  คือ ผู้ประกอบการต้องต้องชำระดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 หรืออัตราดอกเบี้ย MLR  ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย  หรืออัตราดอกเบี้ยอื่นที่เหมาะสม     และต้องมีมาตรการชดเชยประโยชน์ให้กับผู้บริโภคด้วย

“ โดยส่วนตัวให้ความสำคัญมากกับ ‘เงื่อนไข’ มาตรการคุ้มครองผู้บริโภคที่ช่องรายการต่างๆ ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่รับใบอนุญาต  โดยเฉพาะช่องรายการเด็ก เยาวชน และครอบครัว   จะต้องผลิตเนื้อหารายการที่ตรงตามใบอนุญาตที่ประมูลมา  เนื้อหาสาระที่มีคุณภาพ  สร้างสรรค์   ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน   พ่อแม่ผู้ปกครองวางใจที่ให้ลูกหลานรับชมโทรทัศน์ช่องรายการดังกล่าวได้โดยไม่มีเนื้อหาที่เป็นพิษเป็นภัย    ส่วนช่องรายการข่าวสารและสาระ ต้องเสนอข่าวสาระที่เป็นจริง   รอบด้าน   ตรงไปตรงมา        นอกจากนี้ทุกช่องต้องปฏิบัติตามกฎหมายไม่มีเนื้อหาโฆษณาหรือรายการที่ชวนเชื่อเกินจริง หลอกลวง หรือเอาเปรียบผู้บริโภค  และดิฉันเห็นว่าผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลต้องมีการรวมกลุ่มกันเพื่อกำกับดูแลกันเองให้มีมาตรฐานจริยธรรมของวิชาชีพสื่อ   สิ่งเหล่านี้ผู้บริโภคพึงจะได้รับเมื่อผู้ประกอบการเลื่อนเวลาจ่ายเงินค่าประมูลออกไป  ก็จะมีเม็ดเงินที่จะทุ่มให้กับการทำเนื้อหาสาระที่ดีตอบแทนให้กับผู้บริโภคสื่อได้โดยตรง”   นางสาวสุภิญญา กล่าว

อีกวาระที่น่าจับตา คือ สนง. แผนความถี่วิทยุและมาตรฐานทางเทคนิคสำหรับกิจการวิทยุกระจายเสียงระดับเอฟ.เอ็ม ระบบเอ.เอ็ม และระบบดิจิตอล เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการวางโรดแมปการเปลี่ยนผ่านสู่วิทยุในระบบดิจิตอลต่อไป