อนุกำกับฯ พิจารณาข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสม“เรื่องเล่าเช้านี้”นำเสนอข่าวสาวกัมพูชามีหน้าอกโตผิดปกติ

คณะอนุกำกับฯ พิจารณาข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้”นำเสนอข่าวสาวกัมพูชามีหน้าอกโตผิดปกติ

วันที่ 22 ก.ค. นางสาวสุภิญญา  กลางณรงค์  กรรมการ กสทช.  ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมการกำกับดูแลกันเองเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งล่าสุดได้พิจารณาข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการนำเสนอข่าวสาวกัมพูชามีหน้าอกโตผิดปกติของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้”   โดยสมาคมสื่อดิจิตอลเพื่อผู้บริโภคร้องเรียนว่า มีการนำเสนอภาพข่าวที่ไม่เหมาะสม  โดยไม่ปิดบังหน้าและอาการป่วยของหญิงสาวคนดังกล่าว  และเปิดเผยให้เห็นบริเวณหน้าอกของผู้ป่วยอย่างชัดเจน  ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิของผู้ป่วย และเป็นภาพไม่เหมาะสมการออกอากาศในรายการประเภทข่าว”

“อนุกรรมการได้มีมติจะนำเรื่องนี้หารือร่วมกับคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ  และจะเชิญสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3  และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์มาร่วมหารือแนวทางในการแก้ปัญหาและหามาตรการในการเยียวยากรณีดังกล่าวต่อไป”

นอกจากนี้ เมื่อคืนวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่าน ประกาศ คสช. ฉบับที่ 103 ได้ แก้ไขเพิ่มเติมประกาศฉบับที่ 97/2557 ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความร่วมมือเผยแพร่ข่าวสารสาธารณะ โดยแก้ไข ข้อความ เรื่อง การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคสช.และยกเลิกข้อความใน ข้อ 5 และใช้ข้อความแทนว่า  “ในกรณีที่ปรากฏว่าบุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ 2 หรือ ข้อ 3 พนักงานเจ้าหน้าที่อาจส่งเรื่องให้องค์กรวิชาชีพผู้นั้นเป็นสมาชิกดำเนินการสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบอาชีพต่อไป” ซึ่งตนขอบคุณองค์กรวิชาชีพสื่อ และคสช.ที่ปรับแก้ประกาศ ฉ.97เป็น103 คืนเสรีภาพให้สื่อทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจรัฐตามหลักธรรมาภิบาลต่อไป” นั้น  นางสาวสุภิญญา กล่าวว่า ภาระและความคาดหวังจากสังคมกลับมาอยู่บนบ่าสื่อมวลชนทุกแขนง จึงขอให้ใช้เสรีภาพอย่างเป็นอิสระเพื่อประโยชน์สาธารณะ นำความจริงมาให้สังคมสานเสวนากันในบริบทแบบนี้ ขอเพียงสื่อทำหน้าที่นำเสนอข้อเท็จจริงตามหลักวารสารศาสตร์และคอยถ่วงดุลอำนาจรัฐได้ก็มีความงดงามแล้ว ส่วนประชาชนคอยตรวจสอบสื่ออีกที

“ส่วนงานของ กสทช.จะต้องช่วยสนับสนุนสื่อในการกำกับดูแลตนเอง-กันเองให้เข้มแข็งมากขึ้น แต่ถ้าเรื่องไหนเข้าข่ายผิดกฎหมาย ก็เห็นด้วยว่าต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง”

ขอบคุณที่มา: สำนักข่าวอิศรา